จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

***** ฎีกาที่ต้องจำและเปรียบเทียบข้อเท็จจริงให้แม่น**** ฎีกาที่ 6468/2554 จำเลยครอบครองที่ดินโจทก์โดยความสงบ เปิดเผย และด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมาเป็นระยะเวลากว่า 22 ปี จำเลยย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ ตาม ป.พ.พ.1382 แม้ภายหลังที่จำเลยได้กรรมสิทธิ์ ****ตกลงซื้อที่ดินพิพาทจากโจทก์***ถือเป็นการยอมรับในกรรมสิทธิ์ของโจทก์ แต่ก็เป็นการยอมรับภายหลังจำเลยได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์แล้ว ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ที่จำเลยได้รับมาโดยผลของกฎหมายแต่อย่างใด *** (ฎีกานี้การที่จำเลยตกลงซื้อ ถือว่ายังต้องการที่ดินอยู่ ซึ่งเปรียบเทียบกับฎีกาที่ 7382/2548 จำเลยได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทอย่างเป็นเจ้าของนานเกินกว่า 10 ปี ต่อมาเมื่อปี 2535 จำเลยขอรังวัดที่ดินของตนซึ่งมีแนวเขตติดต่อกับที่ดินของ ก. จำเลยไม่ได้โต้แย้งว่าที่ดินพิพาทเป็นของตนเองโดยการครอบครองปรปักษ์ ทั้งยังยอมรับว่าที่ดินพิพาทไม่ได้อยู่ในเขตที่ดินตามโฉนดของตนเอง แต่อยู่ในเขตโฉนดที่ดินของ ก. จึงถือได้ว่าจำเลยได้สละเจตนาครอบครองที่ดินพิพาทแล้ว และแม้จำเลยจะครอบครองที่ดินพิพาทมาก่อนเป็นเวลาเกิน 10 ปี ที่จำเลยอาจได้กรรมสิทธิ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 แล้วก็ตาม ถือได้ว่าจำเลยได้สละกรรมสิทธิ์ที่ได้มาดังกล่าวให้แก่ ก. แล้ว และการครอบครองที่มีมาก่อนดังกล่าวย่อมสิ้นสุดลง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1377 การครอบครองที่ดินที่จะเป็นเหตุให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์ใหม่ได้อีกจึงต้องเริ่มต้นนับใหม่ตั้งแต่วันที่จำเลยได้ครอบครองที่ดินใหม่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหากจะถือว่าจำเลยได้ครอบครองที่ดินใหม่ทันทีหลังจากที่ได้รับรองแนวเขตเป็นต้นไป แต่เมื่อนับถึงวันฟ้องแล้วไม่ครบ 10 ปี จำเลยจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์อีก******ฎีกานี้ตอนที่มีการรังวัด จำเลยกลับยอมชี้เขตตามแนวเขตในโฉนดที่ดิน (ถือว่าไม่ต้องการที่ดินที่ครอบครอง) และมอบการครอบครองคืนเจ้าของเดิม *** ชัดว่าเป็นการสละเจตนาครอบครอง การครอบครองกรณีนี้ของจำเลยจึงสิ้นสุดลง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น