จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

*** การชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมาย (มาตรา 24) ****

*** การชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมาย (มาตรา  24)  ****

คำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา (มาตรา  227,228)  คู่ความอุทธรณ์ฎีกาได้โดยไม่ต้องโต้แย้งไว้  (ฎ.  3425/32)
การชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา  24  ต้องเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดในปัญหาข้อกฎหมาย ถ้าปัญหาที่ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ก็ไม่ใช่การชี้ขาดตามมาตรานี้  และเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา  226 (ฎ.3520/24, 1282/35)
ข้อสังเกต   ในทางปฎิบัติ ก่อนศาลจะมีคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้น ศาลจะมีคำสั่งให้งดสืบพยานก่อน แล้วจึงมีคำพิพากษา ปัญหาจึงอยู่ที่ว่าคำสั่งงดสืบพยานเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาหรือไม่  การวินิจฉัยชี้ขาดตามมาตรา  24  เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมาย และถือว่าคำสั่งงดสืบพยานไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ตามมาตรา  227,228   อุทธรณ์ได้ทันที   หรืออุทธรณ์ได้ภายหลังมีคำพิพากษาโดยไม่ต้องโต้แย้งไว้ก่อน  แต่ถ้าศาลวินิจฉัยโดยอาศัยข้อเท็จจริง ก็ไม่ต้องด้วยมาตรา 24  ไม่เข้าข้อยกเว้นว่าไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ตามมาตรา  227,228  แต่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา  226
บางกรณีมีความยุ่งยากพอสมควรที่จะแบ่งแยกว่า กรณีใดเป็นการชี้ขาดข้อกฎหมายตามมาตรา  24  หรือวินิจฉัยโดยอาศัยข้อเท็จจริง  แต่ก็พอจะแบ่งแยกได้ว่า  ถ้าศาลเพียงแต่พิเคราะห์จากคำฟ้องและคำให้การแล้วมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยและวินิจฉัยข้อกฎหมาย  ดังนี้เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมายมาตรา  24 (ฎ.  3833/28,956/36,6902/43)
แต่ถ้ามีการสอบข้อเท็จจริงจากคู่ความ หรือเมื่อมีการสืบพยานไปบ้างแล้ว จึงสั่งให้งดสืบพยาน ต่อมามีคำพิพากษาโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ได้จากการสอบคู่ความหรือจากพยานที่ได้สืบไปแล้ว  มิใช่การวินิจฉัยชี้ขาดตามมาตรา  24  จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา (ฎ. 2308/20, 2158/37)
ตามมาตรา  24  บัญญัติว่า ต้องเป็นกรณีหากวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่ฝ่ายที่ขอให้วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย  จึงเป็นหลักสำคัญประการหนึ่งของการวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลต้องสั่งเป็นไปในทางเป็นคุณแก่ผู้ขอ เช่น ฟังว่าคดีขาดอายุความ หรือฟ้องโจทก์เคลือบคลุม พิพากษาให้ยกฟ้อง
ถ้าคำชี้ขาดเบื้องต้นนั้นไม่เป็นคุณแก่ผู้ขอ  ก็ไม่เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดตามมาตรา  24 แต่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา (ฎ.  3933/48, 226/04)
ถ้าหากศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นแล้ว (เป็นคุณแก่ผู้ขอ) แต่ต่อมาศาลอุทธรณ์ยก คำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นของศาลชั้นต้น (ไม่เป็นคุณ)  ดังนี้ คู่ความฎีกาได้  (ฎ. 268/91 ป.)  ที่เป็นเช่นนี้เพราะเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งเช่นนั้นแล้ว คดีก็ย่อมกลับมาสู่การพิจารณาของศาลชั้นต้นอีก  และเสร็จจากศาลอุทธรณ์  จึงไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์
นอกจากนี้กรณีที่ศาลยังไม่ได้สั่งในเนื้อหาคำขอ  แต่สั่งให้รวมวินิจฉัยคำร้องในคำพิพากษา (ฎ.  462/08)   หรือคำสั่งไม่รับวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้น  (ฎ. 1032/94) ซึ่งไม่เป็นคุณแก่ผู้ขอ ก็เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา  เช่นกัน
เมื่อมีคำขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย  เป็นดุลพินิจของศาลที่จะวินิจฉัยชี้ขาดในระหว่างนั้น หรือจะรอไว้วินิจฉัยพร้อมคำพิพากษาก็ได้ (ฎ.  1254/17)
การขอให้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายตามมาตรา  24 นี้ ขอได้เฉพาะคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จะมาขอในชั้นอุทธรณ์ หรือฎีกาไม่ได้ (คร. 1346/28,ฎ.  945/36)
การขอให้ศาลชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย หากศาลไม่วินิจฉัยให้ ย่อมมีสิทธิยื่นคำขอนั้นได้อีก ไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ (ฎ.  3574/36)
การวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายตามมาตรา  24 นี้ ศาลอาจเห็นสมควรชี้ขาดเบื้องต้นเองหรือคู่ความมีคำขอให้ชี้ขาด ดังนั้นในกรณีที่คู่ความขอให้ศาลชี้ขาดโดยอ้างเหตุหนึ่ง ศาลก็อาจชี้ขาดโดยอ้างอีกเหตุหนึ่งได้ (ฎ.1102/06)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น