คำถาม เจ้าพนักงานบังคับคดีถอนการบังคับคดี ผู้ขอเฉลี่ยทรัพย์ หรือผู้ขอรับชำระหนี้จำนอง จะมีสิทธิขอให้บังคับคดีต่อไปหรือไม่
คำตอบ มีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยไว้ดังนี้
คำพิพากษาฎีกาที่ 8970/2553 จำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2546 และจำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีวางศาลแล้วเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2549 ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า มีเหตุถอนการบังคับคดีจำเลยหรือไม่
เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 295 บัญญัติว่า ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีถอนการบังคับคดีในกรณีต่อไปนี้ (1) เจ้าพนักงานบังคับคดีถอนการบังคับคดีนั้นเอง หรือถอนโดยคำสั่งศาล แล้วแต่กรณี เมื่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้วางเงินต่อศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นจำนวนพอชำระหนี้ตามคำพิพากษา พร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมแห่งคดี หรือค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี หรือได้หาประกันมาให้จนเป็นที่พอใจของศาล สำหรับจำนวนเงินเช่นว่านั้น (2) ดังนั้น เมื่อจำเลยอ้างในคำร้องขอให้ถอนการบังคับคดีว่า จำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษาพร้อมค่าฤชาธรรมเนียมแห่งคดีและค่าธรรมเสียมในการบังคับคดีครบถ้วนแล้ว โดยโจทก์ยื่นคำร้องรับว่าได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากจำเลยแล้วจริง ทั้งขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคำร้องของจำเลย ซึ่งเท่ากับโจทก์ก็ประสงค์ให้ถอนการบังคับคดี ส่วนเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบคำร้องของจำเลยแล้ว ไม่ได้คัดค้านว่าจำเลยยังชำระค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีไม่ครบถ้วน ต้องฟังว่าจำเลยชำระค่า ธรรมเนียมในการบังคับคดีครบถ้วนแล้วเช่นกัน กรณีย่อมไม่มีเหตุบังคับคดีจำเลยอีกต่อไป ไม่ใช่เป็นกรณีที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาผู้ยึดสละสิทธิในการบังคับคดี หรือเพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับคดีภายในเวลาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนด ที่จะเป็นเหตุให้ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 มีสิทธิขอให้บังคับคดีต่อไปได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290 วรรคแปด
พิพากษากลับว่า ให้ถอนการบังคับคดีจำเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น