ตามฎีกานี้ เป็นคดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจำเลยร่วม และ ป.
ในข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอม
ส่วนในคดีแพ่งโจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญาฝากทรัพย์
แล้วจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดี ตาม ป.วิ.พ.
สิทธิของโจทก์ที่จะฟ้องคดีแพ่งไม่ต้องอาศัยมูลความผิดทางอาญาฐานปลอมและใช้เอกสารปลอมแต่อย่างใด จึงมิใช่เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
เพราะคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญานั้น หมายถึง การที่จำเลยไปกระทำผิดทางอาญา
และก่อให้เกิดความเสียหายในทางแพ่งโดยตรงขึ้นมา
เมื่อไม่ใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญาแล้ว
จึงไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงในส่วนอาญามาผูกพันในคดีแพ่ง
ใช้ราคาทรัพย์แทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43
ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1
ซึ่งเป็นลูกจ้างทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้าง การกระทำของจำเลยที่ 1
เป็นบ่อเกิดแห่งหนี้ที่ผู้เสียหายจะใช้สิทธิเรียกร้องได้ทั้งสองทางคือในมูลละเมิดและมูลสัญญาจ้างแรงงาน
คดีอาญาดังกล่าวกับคดีนี้ถึงแม้คำขอบังคับจะมีลักษณะเป็นอย่างเดียวกันคือขอให้จำเลยที่
1 ใช้ค่าเสียหาย
แต่ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาที่พนักงานอัยการจังหวัดระยองขอบังคับในส่วนแพ่งนั้นมาการกระทำผิดทางอาญาอันเป็นการเรียกร้องในมูลหนี้ละเมิด
ส่วนคดีนี้มีที่มาจากมูลสัญญาจ้างแรงงาน
ประเด็นที่วินิจฉัยจึงมิใช่ประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันอันจะเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 148
ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522
มาตรา 31 ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1
จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น