คำพิพากษาฎีกาที่ 11225/2555
ป.อ. มาตรา 1(3), 33, 335
ก่อนจำเลยทั้งสามเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไป จำเลยทั้งสามได้ไปพบ ว. ผู้ใหญ่บ้านเพื่อให้ช่วยพูดให้ผู้เสียหายชำระหนี้จำเลยที่ 1 เมื่อตกลงกันไม่ได้ จำเลยทั้งสามจึงเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปใส่ท้ายกระบะรถยนต์ จำเลยทั้งสามบอก ร. บุตรผู้เสียหายว่า หากอยากจะได้ทรัพย์ของผู้เสียหายคืนให้ผู้เสียหายนำเงินที่กู้ยืมไปชำระ และจำเลยทั้งสามนำทรัพย์ของผู้เสียหายไปคืนพนักงานสอบสวนเมื่อพนักงานสอบสวนบอกให้จำเลยทั้งสามนำทรัพย์ของกลางมาคืน ประกอบกับหนังสือสัญญากู้ยืมเงินตามกฎหมายใหม่ระบุว่าผู้เสียหายจะชำระหนี้ให้จำเลยที่ 1 เดือนละ 2,000 บาท หากไม่ชำระยินยอมให้ยึดทรัพย์สินของผู้เสียหายโดยไม่มีข้อยกเว้น เชื่อว่าจำเลยทั้งสามเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปเพื่อให้ผู้เสียหายไปติดต่อชำระเงินกู้ยืมที่ค้างชำระ จำเลยที่ 1 แต่การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นการบังคับให้ผู้เสียหายชำระหนี้โดยพลการ ซึ่งไม่มีอำนาจกระทำได้ตามกฎหมาย ถือเป็นการกระทำโดยมีเจตนาทุจริต จึงมีความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 335(1) (7) (8) วรรคสอง ประกอบมาตรา 336 ทวิ และมาตรา 83 แม้รถยนต์กระบะของกลางเป็นทรัพย์ที่จำเลยทั้งสามใช้ในการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ก็ตาม แต่เมื่อพฤติการณ์แห่งความผิดของจำเลยทั้งสามไม่ร้ายแรงมากนักโทษจำคุกและโทษปรับที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 กำหนดแก่จำเลยทั้งสามเชื่อว่าจะทำให้จำเลยทั้งสามหลาบจำไม่กระทำความผิดอีกแล้ว ศาลฎีกาเห็นสมควรไม่กำหนดโทษริบทรัพย์สินของกลาง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น