จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 71/2556


คดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัส และได้รับอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291300, 390 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (4),157 ไม่มีประเด็นโดยตรงว่าจำเลยที่ 3 แข่งรถในทาง แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่า จำเลยที่ 3 กระทำความผิดตามฟ้อง โดยปรากฏในคำพิพากษาว่า จำเลย (จำเลยที่ 3 ในคดีนี้) กับ ส.ขับรถแข่งกันในทาง เป็นการหยิบยกข้อความตามรายงานการสืบเสาะและพินิจมาประกอบการใช้ดุลพินิจในการลงโทษจำเลย จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ที่ศาลในคดีส่วนแพ่งจะต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีในส่วนอาญาถึงที่สุดว่าจำเลยที่ 3 นำรถยนต์กระบะที่จำเลยที่ 1 เอาประกันภัยไว้กับโจทก์ไปขับแข่งกันจนเกิดอุบัติเหตุ จำเลยที่ 1 และที่ 3 มิได้ให้การสู้คดี ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1และที่ 3 ต้องร่วมรับผิดคืนเงินให้โจทก์ เท่ากับเป็นการถือเอาข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ในคดีส่วนอาญามารับฟังวินิจฉัยความรับผิดของจำเลยที่ 1 และที่ 3 จึงเป็นการไม่ชอบด้วยบทกฎหมาย ดังกล่าว

                ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 3 ขับรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้กับโจทก์ไปในการแข่งขันความเร็ว ต้องด้วยข้อยกเว้นตามกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถที่การประกันภัยไม่คุ้มครอง โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนใด ๆ ในกรณีนี้ เมื่อโจทก์ได้จ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนบางส่วนให้แก่จำเลยที่ 1 ผู้เอาประกันภัย และบางส่วนให้แก่บริษัท ส. เพื่อนำไปชดใช้แก่ผู้ประสบภัยไปก่อนแล้ว จำเลยที่ 1 ซึ่งต้องรับผิดต่อผู้ประสบภัยต้องใช้เงินจำนวนนั้นคืนโจทก์ตามกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ข้อ 19      โจทก์ฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลยที่ 1 และที่ 3 โดยบรรยายฟ้องว่า โจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นคู่สัญญากันตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 โดยโจทก์รับประกันการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์คันเกิดเหตุของจำเลยที่ 1 ต่อมารถยนต์ดังกล่าวชนรถยนต์คันอื่นมีผู้ถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บ จำเลยที่ 1 ผู้เอาประกันภัยได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากโจทก์เพื่อชดใช้แก่ผู้ประสบภัยโดยโจทก์ไม่มีความรับผิดต้องชดใช้เนื่องจากการประกันภัยไม่คุ้มครองโจทก์มีสิทธิเรียกเงินคืนอันเป็นการฟ้องเรียกเงินคืนโดยอาศัยความผูกพันตามสัญญาประกันภัย ดังนี้ จำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวที่เป็นคู่สัญญากับโจทก์และเป็นผู้ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนไป ส่วนจำเลยที่ 3 มิได้เป็นคู่สัญญาและไม่มีนิติสัมพันธ์ใดๆกับโจทก์ทั้งมิได้รับเงินไปจากโจทก์ด้วยจำเลยที่ 3 จึงไม่มีความรับผิดต่อโจทก์ แม้จำเลยที่ 3 มิได้ให้การต่อสู้คดีไว้ แต่เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142 (5)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น