1.เหตุของการเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
ที่ศาลสามารถสั่งเพิกถอนได้
1.1
กรณีที่มิได้ปฎิบัติตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.แพ่ง
ในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม หรือ
1.2
ที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชนในเรื่องการเขียน การยื่น
หรือส่งคำคู่ความหรือเอกสารอื่นๆ
1.3 ในการพิจารณาคดี
การพิจารณาพยานหลักฐาน หรือิการบังคับคดี
2
กระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตั้งแต่ในชั้นยื่นฟ้องตลอดไปจนถึงชั้นบังคับคดี
สามารถเพิกถอนได้ ดังต่อไปนี้ ตามลำดับ
2.1
โจทก์เสนอคำฟ้องโดยระบุภูมิลำเนาจำเลยผิด เป็นเหตุให้ศาล ชต.หลงผิดรับฟ้องโจทก์ เมื่อความจริงจำเลยเปลี่ยนแปลงภูมิลำเนา
ก่อนศาล ชต.รับฟ้อง ศาลมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งรับฟ้องและสั่งใหม่เป็นไม่รับฟ้องได้
ฎ.114/2521,1844/2530
2.2 จำเลยยื่นคำร้องว่า
บ้านเลขที่ตามคำฟ้องไม่มีตัวบ้าน
และพนักงานเดินหมายนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปปิดไว้ที่บ้านอีกหลัง
ซึ่งไม่ใช่บ้านเลขที่ตามคำฟ้อง หากเป็นจริงการส่งหมายดังกล่าว ย่อมไม่ชอบด้วย
วิ.แพ่ง .มาตรา 79 และไม่มีผลตามกฎหมาย
จำเลยชอบที่จะร้องขอให้ศาลเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบได้
ศาลชอบจะรับคำร้องของจำเลยไว้ไตสวน ว่าการส่งหมายเรียก ฯชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ฎ.5815/2539
*** 2.3
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนมาขอเลื่อนคดี อ้างว่าป่วย ศาลชั้นต้นมาได้สอบถามโจทก์ว่าจะคัดค้านหรือไม่
กลับมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อคดีไปเลย
โดยไม่พิเคราะห์ว่ามีเหตุจำเป็นที่ต้องเลื่อนหรือไม่ คำสั่งดังกล่าวจึงไม่ชอบ
แม้ขณะสืบพยานโจทก์ ศาลจะให้เสมียนทนายจำเลยนั่งฟังการสืบอยู่ด้วย ก็ไม่อาจถือได้ว่าไม่เสียความเป็นธรรม
เพราะในระหว่างที่ทนายโจทก์และศาลซักถามพยานโจทก์อาจมีข้อได้เปรียบหรือเสียเปรียบในทางคดีเกิดขึ้น
แต่เสมียนทนายจำเลยซึ่งไม่มีอำนาจว่าความอย่างทนายความ ไม่มีสิทธิซักค้านพยานโจทก์ในช่วงที่ได้ดำเนินกระบวนพิจารณานั้น
และเป็นการฝ่านฝืน ม. 36 แห่ง วิ.แพ่ง ที่บัญญิให้การนั่งพิจารณาต่อกระทำโดยเปิดเผยและต่อหน้าคู่ความ
ศาลสูงมีอำนาจเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบนี้ได้ ฎ.3163/2526
2.4
คู่ความมรณะในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งอนุญาตในการขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่
การที่ศาลชั้นต้นก้าวล่วงไปสั่งอนุญาตคำร้องดังกล่าว จึงเป็นการไม่ชอบ ฎ.5776/2534
2.5 ศาลชั้นต้น
สั่งให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม โจทก์ไม่ปฎิบัติตาม ศาลจึงสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง
รุ่งขึ้นโจทก์ยื่นคำร้องอ้างเหตุที่ไม่ปฎิบัติตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ว่าฝนตกหนัก
การจราจรติดขัด ได้โทรมาแจ้งเจ้าหน้าที่ เมื่อ เวลา 15 น. และเดินทางมาถึงศาลเวลา
16.00 น. แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมรับเงิน โจทก์มิได้จงใจไม่ปฎิบัติตามคำสั่ง
แม้ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีไปแล้ว หากเป็นจริงตามคำร้อง
ศาลชอบจะเพิกถอนคำสั่งที่ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องและจำหน่ายคดี ตาม ม.27
และขยายเวลาให้โจทก์ตามมาตรา 23 ฎ.1288/2532
2.6 จำเลยที่ 1
ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนกระบวนพิจารณาอ้างว่า
ไม่มีการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้อก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1
ไม่เคยทราบมาก่อนว่าถูกฟ้อง และไม่เคยตั้งมารดาให้ดำเนินคดีแทน
หากเป็นจริงก็ถือว่าศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ชอบที่จะเพิกถอน
แม้จำเลยที่ จะมายื่นคำร้องภายหลังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1
แพ้คดีแล้วก็ตาม ฎ.320/2536
*** 2.7
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์เพราะข้าใจโดยผิดหลง
ศาลชั้นต้นมีอำนาจให้แก้ไขให้ถูกต้องได้ ส่วนที่
ม.234 บัญญัติให้ผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นไปยังศาลอุทธรณ์นั้น
เป็นเพียงบทบัญญัติที่กำหนดวิธีการที่ผู้อุทธรณ์จะปฎิบัติได้อีกทางหนึ่งเท่านั้น
หาใช่เป็นบทบัญญัติที่ห้ามศาลชั้นต้นสั่งแก้ไขคำสั่งที่สั่งไปโดยผิดหลงเช่นนั้นไม่
ฎ.3589/2525,3369/2538
3.ผู้มีอำนาจเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
การเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
หากเกิดขึ้นในศาลใด ศาลนั้นมีอำนาจเพิกถอน
หากล่วงเลยไปชั้นศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา
ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาใช้อำนาจ ม.27
เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบของศาลชั้นต้นได้ ฎ.5329/2537
4.กำหนดเวลาในการเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
4.1 กรณีศาลเห็นเอง ก็สั่งเพิกถอนได้
โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา หรือแม้แต่คู่ความยื่นคำร้องที่เกินกำหนดเวลา
ก็ไม่ตัดอำนาจศาลที่จะสั่งเพิกถอน ฎ.615/2524,6916/2538
4.2 กรณีคู่ความร้องขอ
ต้องยื่นคำร้องต่อศาลภายในกำหนด 8 วัน นับแต่วันที่ทราบเรื่องผิดระเบียบ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5612/2540
จำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบอ้างว่า
จำเลยไม่เคยแต่งตั้งให้ ว. เป็นทนายความการที่ว.อ้างว่าเป็นทนายความของจำเลย
ขอรับสำเนาคำฟ้องแทน และแถลงว่าโจทก์จำเลยตกลงกันได้เป็นความเท็จ
เป็นเหตุให้ศาลหลงเชื่อทำสัญญาประนีประนอมยอมความและพิพากษาตามยอม
เป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายหากความจริงเป็นดังที่จำเลยอ้างย่อมถือได้ว่าเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 27 วรรคหนึ่งแต่จำเลยต้องยกข้อค้านเรื่องผิดระเบียบนั้นไม่ช้ากว่าแปดวันนับแน่วันที่จำเลยทราบพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างตามวรรคสอง
การที่จำเลยได้ยื่นคำร้องกล่าวหาว่า โจทก์และว.ละเมิดอำนาจศาล
เนื่องจากพฤติการณ์ของ ว. ที่อ้างว่าเป็นทนายของจำเลยขอรับสำเนาคำฟ้อง
และขอทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ลายมือชื่อจำเลยในใบแต่งให้ ว.
เป็นทนายความเป็นลายมือชื่อปลอม ซึ่งโจทก์รู้เห็นด้วย
แสดงว่าจำเลยทราบพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างว่าผิดระเบียบตั้งแต่วันที่ยื่นคำร้องดังกล่าวเป็นอย่างช้า
ดังนี้เมื่อจำเลยเพิ่งมายื่นคำร้องยกข้อค้านเรื่องผิดระเบียบนั้นเมื่อเกินกว่าแปดวัน
จึงไม่ชอบตามมาตรา 27 วรรคสอง ชอบที่ศาลจะสั่งไม่รับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณา
แม้ไม่เป็นประเด็นในชั้นฎีกา เมื่อคำร้องของจำเลยต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว
ถือว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้
-
กำหนดเวลา 8 วัน นับแต่วันทราบไม่ใช่วันเกิดการกระทำที่ผิดระเบียบ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2191/2523
ปัญหาว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีจะยึดทรัพย์ได้หรือไม่นั้นแม้ทรัพย์สินในคดีที่พิพาทราคาไม่เกิน
50,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นก็ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
จำเลยอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 285 ต้องยื่นคำร้องให้เพิกถอนการบังคับนั้นไม่ช้ากว่า 8 วัน
นับแต่วันทราบการฝ่าฝืน
-
แต่จะยื่นคำร้องภายหลังจากศาลพิพากษาแล้ว ไม่ได้ เว้นแต่จะทราบภายหลังจากศาลมีคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 320/2536
จำเลยที่ 1
ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว
โดยอ้างว่าไม่มีการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1
มิได้มอบอำนาจให้มารดาดำเนินคดีแทนทั้งมารดาจำเลยที่
1ก็ไม่เคยตั้งทนายความให้ดำเนินคดีแต่ประการใด ดังนี้
หากข้อเท็จจริงเป็นดังคำร้องของจำเลยที่ 1
กระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นย่อมเป็นการไม่ชอบเป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นหลงผิด
มีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1 แพ้คดี จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบได้
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27วรรคแรก กรณีไม่ต้องห้ามตาม มาตรา 27
วรรคสอง เพราะจำเลยที่
1เพิ่งทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างของการผิดระเบียบนั้นภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว
5.คู่ความไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
หากมีกรณีดังต่อไปนี้
5.1 ดำเนินการอันใดขึ้นใหม่
ภายหลังจากที่ทราบเรื่องผิดระเบียบแล้ว
- *** แต่ไม่ตัดอำนาจศาลที่จะเพิกถอนเองได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5898/2531
ศาลชั้นต้นออกหมายเรียกและส่งสำเนาคำฟ้องไปยังลูกหนี้ให้ทราบก่อนวันนัดพิจารณาคดีล้มละลายน้อยกว่า
7 วัน การนัดสืบพยานโจทก์จึงมิได้เป็นไปตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
ที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและดำเนินการสืบพยานโจทก์ไปจึงเป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบศาลอุทธรณ์สั่งเพิกถอนเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา
27 วรรคหนึ่ง โดยมิต้องคำนึงว่าคู่ความฝ่ายที่เสียหายได้ดำเนินการอันใดขึ้นใหม่หลังจากที่ได้ทราบเรื่องผิดระเบียบแล้วหรือไม่
เพราะมิใช่เป็นกรณีที่คู่ความยกขึ้นคัดค้านตามมาตรา 27วรรคสอง
5.2 ให้สัตยาบันต่อการผิดระเบียบ
- ยื่นฟ้องผิดศาล แต่จำเลยไม่ค้าน
ปล่อยให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ถือว่าให้สัตยาบัน ภายหลังจะยกขึ้น
อุทธรณ์หรือ ฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 652/2540
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์และโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่2เพื่อบังคับชำระหนี้เมื่อจำเลยที่2อ้างว่าเป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบเพราะจำเลยที่2ไม่ทราบว่าถูกฟ้องแล้วจำเลยที่2ชอบที่จะขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นซึ่งจะทำให้คำพิพากษารวมทั้งการบังคับคดีอันเนื่องมาจากการพิจารณาที่ผิดระเบียบของศาลเป็นอันถูกเพิกถอนไปด้วยเพราะศาลจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นใหม่แต่จำเลยที่2ก็หาได้กระทำไม่จำเลยที่2กลับยินยอมชำระหนี้ตามคำพิพากษานั้นให้โจทก์ทั้งยังได้ยื่นคำแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าจำเลยที่2ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์ครบถ้วนแล้วมีความประสงค์จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีถอนการยึดทรัพย์จำเลยที่2ยินดีชำระค่าธรรมเนียมตามระเบียบจึงขอถ่ายรายการค่าธรรมเนียมศาลเพื่อนำไปยื่นคำร้องขอลดหย่อนค่าธรรมเนียมต่อศาลและจะนำค่าธรรมเนียมชำระให้เจ้าพนักงานบังคับคดีภายหลังเนื่องจากจำเลยที่2ทราบจากเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าค่าธรรมเนียมดังกล่าวมากกว่าหนี้ที่จะต้องรับผิดตามคำพิพากษาดังนี้ถือได้ว่าจำเลยที่2ได้ให้สัตยาบันแก่การผิดระเบียบหลังจากได้ทราบเรื่องผิดระเบียบนั้นแล้วจำเลยที่2จะขอให้เพิกถอนการยึดทรัพย์หาได้ไม่
ตามคำร้องของจำเลยที่2ที่ยื่นต่อศาลชั้นต้นเป็นกรณีที่จำเลยที่2ขอให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบและขอให้ยกเลิกค่าธรรมเนียมในการยึดทรัพย์ทั้งหมดเท่านั้นดังนั้นหากศาลฟังว่าจำเลยที่2ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนดังกล่าวก็ชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยที่2เสียกรณีไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าผู้ใดจะต้องรับผิดในค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์แล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้โจทก์รับผิดในค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายจึงเป็นเรื่องนอกประเด็นจากคำร้องของจำเลยที่2เป็นการไม่ชอบและปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142(5)ประกอบมาตรา246,247
6.การสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
6.1 เพิกถอนทั้งหมด
6.2 เพิกถอนบางส่วน
6.3 สั่งแก้ไข
6.4 หรือ
มีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่เห็นสมควร
7.
ผลของการเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
7.1 เมื่อศาลสั่งเพิกถอน กระบวนพิจารณาเดิมเป็นอันสิ้นผล
ศาลต้องดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้ถูกต้อง
แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ได้ปฎิบัติตามกำหนดระยะเวลาและสิ้นกำหนดเวลานั้นแล้ว
เมื่อเพิกถอนแล้ว ศาลควรสั่งให้ขยายระยะเวลา ตาม ม.23 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 179/2518 ศาลมีคำสั่งให้โจทก์จำเลยตรวจสอบเอกสาร
และกำหนดเวลาให้จำเลยคัดค้านความไม่ถูกต้องของเอกสารและยอดเงินเป็นหนี้ที่โจทก์ฟ้องหากจำเลยไม่แถลงให้ถือว่าถูกต้องเมื่อปรากฏว่าการยื่นคำร้องขอขยายเวลาตรวจสอบเอกสารของจำเลยมิได้มอบฉันทะให้ผู้ใดมายื่นแทนเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 64
ศาลได้มีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องนั้นโดยหลงผิดว่าได้มีการยื่นคำร้องโดยชอบแล้ว จึงมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งนั้นเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 27 เมื่อศาลได้เพิกถอนคำสั่งและยกคำร้องของจำเลยเสียแล้ว
ก็เสมือนจำเลยไม่แถลงการณ์ถึงความไม่ถูกต้องของบัญชีโจทก์ตามคำสั่งศาลกรณีต้องถือว่าจำเลยได้ยอมรับยอดหนี้ตามฟ้องของโจทก์เป็นการถูกต้องแล้ว
7.2
กรณีไม่ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ หากเป็นความบกพร่องในเรื่องแต่งทนาย เมื่อแต่งทนายความแล้ว
กระบวนพิจารณาก่อนนั้นเป็นอันไม่เสีย คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326/2522
ฎีกาของจำเลยมี ล.
ทนายความลงชื่อในฐานะทนายจำเลยพฤติการณ์น่าเชื่อว่า จำเลยได้แต่ง ล.
เป็นทนายความของจำเลยในคดีนี้แล้วจริง เมื่อปรากฏว่าใบแต่งทนายความสำหรับ ล.
ไม่มีอยู่ในสำนวน ศาลก็มีอำนาจที่จะอนุญาตให้แก้ไขจัดทำเสียให้ถูกต้องได้
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 เมื่อจำเลยได้แต่ง ล.
เข้ามาภายหลังแล้ว ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยฎีกาจำเลยได้
***** 7.3
คำสั่งศาลที่เพิกถอนหรือไม่เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
ถือเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาไม่อาจอุทธรณ์ฎีกาได้ในทันที ต้องโต้แย้งคำสั่งไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1602/2514 โจทก์ยื่นคำร้องว่า
ในวันชี้สองสถานโจทก์แถลงขอสืบพยานในประเด็นว่าจำเลยขัดขวางมิให้โจทก์ปฏิบัติตามสัญญา
จึงเป็นเหตุสุดวิสัยที่โจทก์จะปฏิบัติตามสัญญาได้
แต่ศาลชั้นต้นไม่ได้จดข้อแถลงของโจทก์ไว้ในรายงานพิจารณา
จึงขอให้ศาลชั้นต้นบันทึกไว้เป็นประเด็นและขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์สืบพยานในข้อนี้ได้
โดยถือว่าเป็นกรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27
แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าไม่มีการผิดมาตรา 27 เป็นเรื่องกล่าวอ้างขึ้นใหม่นั้น
เห็นว่า
คำสั่งของศาลชั้นต้นเช่นนี้เป็นคำสั่งที่ศาลชั้นต้นปฏิเสธว่าไม่มีเรื่องผิดระเบียบและปฏิเสธไม่ยอมให้โจทก์สืบพยานในประเด็นที่ไม่ได้กำหนดกันไว้ในวันนัดชี้สองสถาน
จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
มิใช่คำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา
228(2) และศาลชั้นต้นมีคำสั่งในเรื่องนี้
ก่อนพิพากษาคดีเป็นเวลา
5 วัน โจทก์มีเวลาโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้น
แต่โจทก์มิได้โต้แย้งไว้จึงต้องห้ามอุทธรณ์และกรณีไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 240(2) ด้วย
เว้นแต่คำสั่งเพิกถอนคำสั่งรับคำคู่ความเป็นไม่รับ
ผลของคำสั่งเพิกถอน เท่ากับเป็นการสั่งไม่รับคำคู่ความ
จึงไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา อุทธรณ์ได้ทันที ตาม ม.18 วรรคท้าย ประกอบ
227หรือ228
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น