จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

****การเพิกถอนกระบวนพิจารณาผิดระเบียบตาม วิ.แพ่ง มาตรา 27 มีหลักกฎหมายที่ต้องจำอยู่ 7 ประการ โดย kitimj


1.เหตุของการเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ที่ศาลสามารถสั่งเพิกถอนได้
            1.1 กรณีที่มิได้ปฎิบัติตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.แพ่ง ในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม หรือ
            1.2 ที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชนในเรื่องการเขียน การยื่น หรือส่งคำคู่ความหรือเอกสารอื่นๆ
            1.3 ในการพิจารณาคดี การพิจารณาพยานหลักฐาน หรือิการบังคับคดี
2 กระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตั้งแต่ในชั้นยื่นฟ้องตลอดไปจนถึงชั้นบังคับคดี สามารถเพิกถอนได้ ดังต่อไปนี้ ตามลำดับ
            2.1 โจทก์เสนอคำฟ้องโดยระบุภูมิลำเนาจำเลยผิด เป็นเหตุให้ศาล ชต.หลงผิดรับฟ้องโจทก์ เมื่อความจริงจำเลยเปลี่ยนแปลงภูมิลำเนา ก่อนศาล ชต.รับฟ้อง ศาลมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งรับฟ้องและสั่งใหม่เป็นไม่รับฟ้องได้ ฎ.114/2521,1844/2530
            2.2 จำเลยยื่นคำร้องว่า บ้านเลขที่ตามคำฟ้องไม่มีตัวบ้าน และพนักงานเดินหมายนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปปิดไว้ที่บ้านอีกหลัง ซึ่งไม่ใช่บ้านเลขที่ตามคำฟ้อง หากเป็นจริงการส่งหมายดังกล่าว ย่อมไม่ชอบด้วย วิ.แพ่ง .มาตรา 79 และไม่มีผลตามกฎหมาย จำเลยชอบที่จะร้องขอให้ศาลเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบได้ ศาลชอบจะรับคำร้องของจำเลยไว้ไตสวน ว่าการส่งหมายเรียก ฯชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ฎ.5815/2539
            *** 2.3 ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนมาขอเลื่อนคดี อ้างว่าป่วย ศาลชั้นต้นมาได้สอบถามโจทก์ว่าจะคัดค้านหรือไม่ กลับมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อคดีไปเลย โดยไม่พิเคราะห์ว่ามีเหตุจำเป็นที่ต้องเลื่อนหรือไม่ คำสั่งดังกล่าวจึงไม่ชอบ แม้ขณะสืบพยานโจทก์ ศาลจะให้เสมียนทนายจำเลยนั่งฟังการสืบอยู่ด้วย ก็ไม่อาจถือได้ว่าไม่เสียความเป็นธรรม เพราะในระหว่างที่ทนายโจทก์และศาลซักถามพยานโจทก์อาจมีข้อได้เปรียบหรือเสียเปรียบในทางคดีเกิดขึ้น แต่เสมียนทนายจำเลยซึ่งไม่มีอำนาจว่าความอย่างทนายความ ไม่มีสิทธิซักค้านพยานโจทก์ในช่วงที่ได้ดำเนินกระบวนพิจารณานั้น และเป็นการฝ่านฝืน ม. 36 แห่ง วิ.แพ่ง ที่บัญญิให้การนั่งพิจารณาต่อกระทำโดยเปิดเผยและต่อหน้าคู่ความ ศาลสูงมีอำนาจเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบนี้ได้ ฎ.3163/2526
            2.4 คู่ความมรณะในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งอนุญาตในการขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ การที่ศาลชั้นต้นก้าวล่วงไปสั่งอนุญาตคำร้องดังกล่าว จึงเป็นการไม่ชอบ ฎ.5776/2534
            2.5 ศาลชั้นต้น สั่งให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม โจทก์ไม่ปฎิบัติตาม ศาลจึงสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง รุ่งขึ้นโจทก์ยื่นคำร้องอ้างเหตุที่ไม่ปฎิบัติตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ว่าฝนตกหนัก การจราจรติดขัด ได้โทรมาแจ้งเจ้าหน้าที่ เมื่อ เวลา 15 น. และเดินทางมาถึงศาลเวลา 16.00 น. แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมรับเงิน โจทก์มิได้จงใจไม่ปฎิบัติตามคำสั่ง แม้ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีไปแล้ว หากเป็นจริงตามคำร้อง ศาลชอบจะเพิกถอนคำสั่งที่ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องและจำหน่ายคดี ตาม ม.27 และขยายเวลาให้โจทก์ตามมาตรา 23 ฎ.1288/2532
            2.6 จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนกระบวนพิจารณาอ้างว่า ไม่มีการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้อก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ไม่เคยทราบมาก่อนว่าถูกฟ้อง และไม่เคยตั้งมารดาให้ดำเนินคดีแทน หากเป็นจริงก็ถือว่าศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ชอบที่จะเพิกถอน แม้จำเลยที่ จะมายื่นคำร้องภายหลังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 แพ้คดีแล้วก็ตาม ฎ.320/2536
            *** 2.7 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์เพราะข้าใจโดยผิดหลง ศาลชั้นต้นมีอำนาจให้แก้ไขให้ถูกต้องได้  ส่วนที่ ม.234 บัญญัติให้ผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นไปยังศาลอุทธรณ์นั้น เป็นเพียงบทบัญญัติที่กำหนดวิธีการที่ผู้อุทธรณ์จะปฎิบัติได้อีกทางหนึ่งเท่านั้น หาใช่เป็นบทบัญญัติที่ห้ามศาลชั้นต้นสั่งแก้ไขคำสั่งที่สั่งไปโดยผิดหลงเช่นนั้นไม่ ฎ.3589/2525,3369/2538
3.ผู้มีอำนาจเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
การเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ หากเกิดขึ้นในศาลใด ศาลนั้นมีอำนาจเพิกถอน หากล่วงเลยไปชั้นศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา  ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาใช้อำนาจ ม.27 เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบของศาลชั้นต้นได้ ฎ.5329/2537
4.กำหนดเวลาในการเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
            4.1 กรณีศาลเห็นเอง ก็สั่งเพิกถอนได้ โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา หรือแม้แต่คู่ความยื่นคำร้องที่เกินกำหนดเวลา ก็ไม่ตัดอำนาจศาลที่จะสั่งเพิกถอน ฎ.615/2524,6916/2538
            4.2 กรณีคู่ความร้องขอ ต้องยื่นคำร้องต่อศาลภายในกำหนด 8 วัน นับแต่วันที่ทราบเรื่องผิดระเบียบ คำพิพากษาศาลฎีกาที่  5612/2540
         จำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบอ้างว่า จำเลยไม่เคยแต่งตั้งให้ ว. เป็นทนายความการที่ว.อ้างว่าเป็นทนายความของจำเลย ขอรับสำเนาคำฟ้องแทน และแถลงว่าโจทก์จำเลยตกลงกันได้เป็นความเท็จ เป็นเหตุให้ศาลหลงเชื่อทำสัญญาประนีประนอมยอมความและพิพากษาตามยอม เป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายหากความจริงเป็นดังที่จำเลยอ้างย่อมถือได้ว่าเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคหนึ่งแต่จำเลยต้องยกข้อค้านเรื่องผิดระเบียบนั้นไม่ช้ากว่าแปดวันนับแน่วันที่จำเลยทราบพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างตามวรรคสอง การที่จำเลยได้ยื่นคำร้องกล่าวหาว่า โจทก์และว.ละเมิดอำนาจศาล เนื่องจากพฤติการณ์ของ ว. ที่อ้างว่าเป็นทนายของจำเลยขอรับสำเนาคำฟ้อง และขอทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ลายมือชื่อจำเลยในใบแต่งให้ ว. เป็นทนายความเป็นลายมือชื่อปลอม ซึ่งโจทก์รู้เห็นด้วย แสดงว่าจำเลยทราบพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างว่าผิดระเบียบตั้งแต่วันที่ยื่นคำร้องดังกล่าวเป็นอย่างช้า ดังนี้เมื่อจำเลยเพิ่งมายื่นคำร้องยกข้อค้านเรื่องผิดระเบียบนั้นเมื่อเกินกว่าแปดวัน จึงไม่ชอบตามมาตรา 27 วรรคสอง ชอบที่ศาลจะสั่งไม่รับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณา แม้ไม่เป็นประเด็นในชั้นฎีกา เมื่อคำร้องของจำเลยต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ถือว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้
-          กำหนดเวลา 8 วัน นับแต่วันทราบไม่ใช่วันเกิดการกระทำที่ผิดระเบียบ คำพิพากษาศาลฎีกาที่  2191/2523   ปัญหาว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีจะยึดทรัพย์ได้หรือไม่นั้นแม้ทรัพย์สินในคดีที่พิพาทราคาไม่เกิน 50,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นก็ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง  จำเลยอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 285 ต้องยื่นคำร้องให้เพิกถอนการบังคับนั้นไม่ช้ากว่า 8 วัน นับแต่วันทราบการฝ่าฝืน
-          แต่จะยื่นคำร้องภายหลังจากศาลพิพากษาแล้ว ไม่ได้ เว้นแต่จะทราบภายหลังจากศาลมีคำพิพากษา คำพิพากษาศาลฎีกาที่  320/2536       จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว โดยอ้างว่าไม่มีการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 มิได้มอบอำนาจให้มารดาดำเนินคดีแทนทั้งมารดาจำเลยที่ 1ก็ไม่เคยตั้งทนายความให้ดำเนินคดีแต่ประการใด ดังนี้ หากข้อเท็จจริงเป็นดังคำร้องของจำเลยที่ 1 กระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นย่อมเป็นการไม่ชอบเป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นหลงผิด มีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1 แพ้คดี จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27วรรคแรก กรณีไม่ต้องห้ามตาม มาตรา 27 วรรคสอง เพราะจำเลยที่ 1เพิ่งทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างของการผิดระเบียบนั้นภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว
5.คู่ความไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ หากมีกรณีดังต่อไปนี้
            5.1 ดำเนินการอันใดขึ้นใหม่ ภายหลังจากที่ทราบเรื่องผิดระเบียบแล้ว
                        - *** แต่ไม่ตัดอำนาจศาลที่จะเพิกถอนเองได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่  5898/2531
          ศาลชั้นต้นออกหมายเรียกและส่งสำเนาคำฟ้องไปยังลูกหนี้ให้ทราบก่อนวันนัดพิจารณาคดีล้มละลายน้อยกว่า 7 วัน การนัดสืบพยานโจทก์จึงมิได้เป็นไปตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและดำเนินการสืบพยานโจทก์ไปจึงเป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบศาลอุทธรณ์สั่งเพิกถอนเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 วรรคหนึ่ง โดยมิต้องคำนึงว่าคู่ความฝ่ายที่เสียหายได้ดำเนินการอันใดขึ้นใหม่หลังจากที่ได้ทราบเรื่องผิดระเบียบแล้วหรือไม่ เพราะมิใช่เป็นกรณีที่คู่ความยกขึ้นคัดค้านตามมาตรา 27วรรคสอง
            5.2 ให้สัตยาบันต่อการผิดระเบียบ
            - ยื่นฟ้องผิดศาล แต่จำเลยไม่ค้าน ปล่อยให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ถือว่าให้สัตยาบัน ภายหลังจะยกขึ้น อุทธรณ์หรือ ฎีกาไม่ได้
            คำพิพากษาศาลฎีกาที่  652/2540         ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์และโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่2เพื่อบังคับชำระหนี้เมื่อจำเลยที่2อ้างว่าเป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบเพราะจำเลยที่2ไม่ทราบว่าถูกฟ้องแล้วจำเลยที่2ชอบที่จะขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นซึ่งจะทำให้คำพิพากษารวมทั้งการบังคับคดีอันเนื่องมาจากการพิจารณาที่ผิดระเบียบของศาลเป็นอันถูกเพิกถอนไปด้วยเพราะศาลจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นใหม่แต่จำเลยที่2ก็หาได้กระทำไม่จำเลยที่2กลับยินยอมชำระหนี้ตามคำพิพากษานั้นให้โจทก์ทั้งยังได้ยื่นคำแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าจำเลยที่2ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์ครบถ้วนแล้วมีความประสงค์จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีถอนการยึดทรัพย์จำเลยที่2ยินดีชำระค่าธรรมเนียมตามระเบียบจึงขอถ่ายรายการค่าธรรมเนียมศาลเพื่อนำไปยื่นคำร้องขอลดหย่อนค่าธรรมเนียมต่อศาลและจะนำค่าธรรมเนียมชำระให้เจ้าพนักงานบังคับคดีภายหลังเนื่องจากจำเลยที่2ทราบจากเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าค่าธรรมเนียมดังกล่าวมากกว่าหนี้ที่จะต้องรับผิดตามคำพิพากษาดังนี้ถือได้ว่าจำเลยที่2ได้ให้สัตยาบันแก่การผิดระเบียบหลังจากได้ทราบเรื่องผิดระเบียบนั้นแล้วจำเลยที่2จะขอให้เพิกถอนการยึดทรัพย์หาได้ไม่ ตามคำร้องของจำเลยที่2ที่ยื่นต่อศาลชั้นต้นเป็นกรณีที่จำเลยที่2ขอให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบและขอให้ยกเลิกค่าธรรมเนียมในการยึดทรัพย์ทั้งหมดเท่านั้นดังนั้นหากศาลฟังว่าจำเลยที่2ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนดังกล่าวก็ชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยที่2เสียกรณีไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่าผู้ใดจะต้องรับผิดในค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์แล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้โจทก์รับผิดในค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายจึงเป็นเรื่องนอกประเด็นจากคำร้องของจำเลยที่2เป็นการไม่ชอบและปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142(5)ประกอบมาตรา246,247
6.การสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
            6.1 เพิกถอนทั้งหมด
            6.2 เพิกถอนบางส่วน
            6.3 สั่งแก้ไข
            6.4 หรือ มีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่เห็นสมควร
7. ผลของการเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
            7.1 เมื่อศาลสั่งเพิกถอน  กระบวนพิจารณาเดิมเป็นอันสิ้นผล ศาลต้องดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้ถูกต้อง
     แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ได้ปฎิบัติตามกำหนดระยะเวลาและสิ้นกำหนดเวลานั้นแล้ว เมื่อเพิกถอนแล้ว ศาลควรสั่งให้ขยายระยะเวลา ตาม ม.23 คำพิพากษาศาลฎีกาที่  179/2518 ศาลมีคำสั่งให้โจทก์จำเลยตรวจสอบเอกสาร และกำหนดเวลาให้จำเลยคัดค้านความไม่ถูกต้องของเอกสารและยอดเงินเป็นหนี้ที่โจทก์ฟ้องหากจำเลยไม่แถลงให้ถือว่าถูกต้องเมื่อปรากฏว่าการยื่นคำร้องขอขยายเวลาตรวจสอบเอกสารของจำเลยมิได้มอบฉันทะให้ผู้ใดมายื่นแทนเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 64 ศาลได้มีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องนั้นโดยหลงผิดว่าได้มีการยื่นคำร้องโดยชอบแล้ว จึงมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งนั้นเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 เมื่อศาลได้เพิกถอนคำสั่งและยกคำร้องของจำเลยเสียแล้ว ก็เสมือนจำเลยไม่แถลงการณ์ถึงความไม่ถูกต้องของบัญชีโจทก์ตามคำสั่งศาลกรณีต้องถือว่าจำเลยได้ยอมรับยอดหนี้ตามฟ้องของโจทก์เป็นการถูกต้องแล้ว
7.2 กรณีไม่ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ หากเป็นความบกพร่องในเรื่องแต่งทนาย เมื่อแต่งทนายความแล้ว กระบวนพิจารณาก่อนนั้นเป็นอันไม่เสีย คำพิพากษาศาลฎีกาที่  1326/2522
 ฎีกาของจำเลยมี ล. ทนายความลงชื่อในฐานะทนายจำเลยพฤติการณ์น่าเชื่อว่า จำเลยได้แต่ง ล. เป็นทนายความของจำเลยในคดีนี้แล้วจริง เมื่อปรากฏว่าใบแต่งทนายความสำหรับ ล. ไม่มีอยู่ในสำนวน ศาลก็มีอำนาจที่จะอนุญาตให้แก้ไขจัดทำเสียให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 เมื่อจำเลยได้แต่ง ล. เข้ามาภายหลังแล้ว ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยฎีกาจำเลยได้
***** 7.3 คำสั่งศาลที่เพิกถอนหรือไม่เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ถือเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาไม่อาจอุทธรณ์ฎีกาได้ในทันที ต้องโต้แย้งคำสั่งไว้ก่อน คำพิพากษาศาลฎีกาที่  1602/2514          โจทก์ยื่นคำร้องว่า ในวันชี้สองสถานโจทก์แถลงขอสืบพยานในประเด็นว่าจำเลยขัดขวางมิให้โจทก์ปฏิบัติตามสัญญา จึงเป็นเหตุสุดวิสัยที่โจทก์จะปฏิบัติตามสัญญาได้ แต่ศาลชั้นต้นไม่ได้จดข้อแถลงของโจทก์ไว้ในรายงานพิจารณา จึงขอให้ศาลชั้นต้นบันทึกไว้เป็นประเด็นและขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์สืบพยานในข้อนี้ได้ โดยถือว่าเป็นกรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าไม่มีการผิดมาตรา 27 เป็นเรื่องกล่าวอ้างขึ้นใหม่นั้น เห็นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นเช่นนี้เป็นคำสั่งที่ศาลชั้นต้นปฏิเสธว่าไม่มีเรื่องผิดระเบียบและปฏิเสธไม่ยอมให้โจทก์สืบพยานในประเด็นที่ไม่ได้กำหนดกันไว้ในวันนัดชี้สองสถาน จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 มิใช่คำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างการพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 228(2) และศาลชั้นต้นมีคำสั่งในเรื่องนี้
ก่อนพิพากษาคดีเป็นเวลา 5 วัน โจทก์มีเวลาโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้น แต่โจทก์มิได้โต้แย้งไว้จึงต้องห้ามอุทธรณ์และกรณีไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 240(2) ด้วย

เว้นแต่คำสั่งเพิกถอนคำสั่งรับคำคู่ความเป็นไม่รับ ผลของคำสั่งเพิกถอน เท่ากับเป็นการสั่งไม่รับคำคู่ความ จึงไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา อุทธรณ์ได้ทันที ตาม ม.18 วรรคท้าย ประกอบ 227หรือ228

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น